เคราะห์กระหน่ำ กูเกิ้ลถูกฟ้องผูกขาดโฆษณาอีก นอกจากสงครามเสิร์ชเอ็นจิ้นด้วย AI แล้ว ล่าสุดยังถูกฟ้องจากก.ยุติธรรมสหรัฐฯ

 

เคราะห์กระหน่ำ กูเกิ้ลถูกฟ้องผูกขาดโฆษณาอีก
นอกจากสงครามเสิร์ชเอ็นจิ้นด้วย AI แล้ว ล่าสุดยังถูกฟ้องจากก.ยุติธรรมสหรัฐฯ

 เครดิตภาพ - จาก ft.com

ข่าวจาก CNBC.com เมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา รายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นฟ้องกูเกิ้ลในคดีการผูกขาด นับเป็นคดีที่สอง โดยคดีแรกฟ้องในยุคอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมพ์ ซึ่งฟ้องไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

คดีที่สองนี้ กระทรวงยุติธรรมภายใต้การบริหารของไบเดน ยื่นฟ้องโดยกล่าวหาว่าพยายามทำลายธุรกิจโฆษณาออนไลน์ โดยต้องการให้แยกบริษัทโฆษณา ออกจากบริษัทแม่ของกูเกิ้ลหรือ Alphabet

โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตว่า กูเกิ้ลเป็นทั้งบริษัทสื่อ, บริษัทรับซื้อ-ขายโฆษณา, และเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนสื่อโฆษณาครบทั้ง 3 ชนิดในวงจรอุตสาหกรรม ทำให้เกิดการผูกขาดและบริษัทอื่นอยากที่จะแข่งขันได้ กลไกการตลาดและการกำหนดราคาถูกควบคุมเบ็ดเสร็จ ทำให้บริษัทสื่อออนไลน์ หนังสือพิมพ์ออนไลน์ เอเจนซี่โฆษณา และบริษัทคนกลางแลกเปลี่ยนสื่อ ไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้ ในขณะที่กูเกิ้ลอ้างว่า การบริการครบวงจรทั้ง 3 อย่าง เป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ลงโฆษณาและเจ้าของสื่อ โดยมีกลไกการซื้อขายแบบประมูลด้วยอัลกอริทึม demand-supply ไม่ได้ใช้กลไกผูกขาดใดๆ ที่เหนืออำนาจตลาด อีกทั้งมีบริษัทสื่อครบวงจรแบบเดียวกันนี้อยู่แล้ว เช่น Facebook, Amazon เป็นต้น ไม่ได้ผูกขาดแค่รายเดียว

อนึ่ง กูเกิ้ลถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฟ้องครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2020 โดยกล่าวหาว่าบริษัทใช้อำนาจเหนือตลาดในการบีบบังคับคู่แข่งด้านไอที โดยการผูกขาดเรื่องเสิร์ชเอ็นจิ้นและตลาดโฆษณาด้วยเสิร์ชเอ็นจิ้น และเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ก็เพิ่งถูกหน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันของอังกฤษ เปิดการสอบสวนครั้งที่สองเกี่ยวกับแนวปฏิบัติด้านการโฆษณาของกูเกิ้ล โดยกล่าวหาว่าอาจบิดเบือนการแข่งขันและสนับสนุนบริการของตนเองอย่างผิดกฎหมาย

กูเกิ้ลเพิ่งจบคดีการผูกขาดโดยแอนดรอยด์ โดยยอมเสียค่าปรับจำนวน 4.12 พันล้านเหรียญสหรัฐให้กับ EU เมื่อปีที่แล้ว แต่ยังมีคดีที่รออยู่อีก 2 คดีใน EU ที่ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน การเปิดแผลครั้งใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ยิ่งจะทำให้ EU และอังกฤษมีความชอบธรรมมากขึ้นในการดำเนินคดีที่เหลือซึ่งเกี่ยวข้องกับเสิร์ชเอ็นจิ้นและธุรกิจโฆษณา

เพื่อเลี่ยงการถูกแยกบริษัทจนสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน และสูญเสียรายได้มากเกินไป ในการเจรจาต่อรองคดีแรกกับรัฐบาลอเมริกา กูเกิ้ลได้เสนอที่จะแยกบริษัทโฆษณา ออกจากบริษัทเทคโนโลยี แต่ทั้งหมดยังอยู่ภายใต้ชื่อและการบริหารงานของบริษัทแม่ Alphabet ซึ่งเรื่องนี้อัยการ และรัฐบาลอเมริกาดูเหมือนจะไม่เห็นด้วย

นอกจากนี้ Google ยังเผชิญคดีต่อต้านการผูกขาดอีกหลายคดีจากอัยการรัฐต่างๆ ได้แก่ เท็กซัส รัฐแคลิฟอร์เนีย โคโลราโด คอนเนตทิคัต นิวเจอร์ซีย์ นิวยอร์ก โรดไอส์แลนด์ เทนเนสซี และเวอร์จิเนีย ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะถูกรวบเป็นคดีเดียวกับรัฐบาลสหรัฐแทน

ธุรกิจโฆษณาของ Google ถูกวิจารณ์หนักว่า เป็นแพลตฟอร์มที่ทำงานได้หลายหน้าที่ของตลาด — การซื้อ การขาย และการแลกเปลี่ยนโฆษณา — ให้ข้อมูลเชิงลึกที่ไม่เหมือนใครผ่านกระบวนการเสิร์ชเอ็นจิ้น เปรียบเสมือนเป็น ธนาคารที่ครองส่วนแบ่งตลาดส่วนใหญ่ไว้ได้หมด แถมยังคุมตลาดหลักทรัพย์และตลาดแลกเปลี่ยนทุกอย่างไว้ด้วย ทำให้กำหนดอัตราดอกเบี้ย ราคาสินค้าและบริการได้ทั้งหมด  

Google ต้องไม่อ้างข้อดีของแพลตฟอร์มแบบนี้อีก เพราะมันสามารถตั้งกฎเกม เพื่อกีดกันคู่แข่งได้” กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กล่าวต่อว่า “ผลเสียของแพลตฟอร์มนี้ก็คือ ผู้สร้างเว็บไซต์มีรายได้น้อยลง และผู้ลงโฆษณายอมจ่ายมากกว่าที่ควร พวกเขาต้องการตลาดที่แข่งขันกัน ซึ่งจะนำไปสู่คู่แข่งที่หลากหลายที่แข่งขันได้ เกิดนวัตกรรมเพื่อการโฆษณามากขึ้น ส่งผลให้ตลาดมีคุณภาพมากขึ้น และมีต้นทุนธุรกรรมที่ต่ำลง การซื้อกิจการบริษัทคู่แข่งหรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโฆษณา เช่น DoubleClick ในปี 2551 ในขณะที่ “ธุรกิจการแลกเปลี่ยนโฆษณาเพิ่งเริ่ม” ทำให้กลไกการแข่งขันในตลาดสะดุดหยุดไป

อนึ่ง ในเคราะห์กรรมก็อาจมีชัยชนะ โดยกูเกิ้ลเพิ่งชนะคดีเมื่อปลายปีที่แล้วกลุ่มจากอัยการรัฐต่างๆ นำโดยรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยกล่าวหาว่าบริษัทใช้ประโยชน์จากการครอบงำของซอฟต์แวร์ Maps เพื่อล็อคนักพัฒนาแอปให้อยู่ในระบบนิเวศน์และเสิร์ชของกูเกิ้ล

คงต้องมาลุ้นกันต่อไปว่า ซีอีโอ ซุนดาร์ พิชัย จะมี “พิชัย” ต่อคดีความต่างๆ ที่หลั่งไหลประดังเข้ามา พร้อมๆ กับสงคราม AI ที่นำโดย Microsoft-OpenAI ได้หรือไม่? เดือนกันยายนนี้ จะเป็นปฐมบทเริ่มต้นของการนำสืบคดีต่อต้านการผูกขาดครั้งใหญ่ที่สุดของอเมริกาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากคดีผูกขาดโอเอส-เว็บบราวเซอร์ของไมโครซอฟท์เมื่อปี 2001


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สรุปหนังสือ AI and Machine Learning for Coders แต่งโดย “หัวหน้าทีมวิจัย AI” ของ Google และหนึ่งในผู้คิดค้น TensorFlow

DeepMind ของ Google เตรียม "สู้กลับ" ด้วย Sparrow ...ChatGPT เวอร์ชันที่ดีกว่าและเป็นผู้ใหญ่มากกว่า

กูเกิ้ล ลดพนักงาน 1.2 หมื่น แล้วดึงผู้ก่อตั้ง 2 คนกลับมาฉุกเฉิน เพื่อต่อกรกับ ChatGPT จากไมโครซอฟท์-โอเพ่นเอไอ